Tuesday, December 20, 2016

Suna no Tou ~ฤาครอบครัวที่สร้างมาจะเป็นเพียงแค่เม็ดทราย~

Suna no Tou ~ฤาครอบครัวที่สร้างมาจะเป็นเพียงแค่เม็ดทราย~



"มั่นใจแล้วเหรอว่าการเป็นแม่ของคุณนั้นถูกต้องแล้ว?"
คำถามที่เกิดขึ้นมาในใจตลอดของคนเป็นแม่ ไม่ว่าคนไหนก็ตามคงจะมีคำถามเล็กๆแบบนี้ผุดขึ้นมาในหัวอยู่เสมอเมื่อรู้สึกว่าครอบครัวมีบางอย่างผิดพลาด
บางคนเลือกที่จะยึดแม่ของตนเองเป็นต้นแบบในการใช้ชีวิตเป็นแม่คนต่อไป
บางคนกลับเลือกที่จะทำตามใจตัวเอง โดยคิดว่าสิ่งที่เรามอบให้ลูกนั้นคือสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูกแล้ว

แต่ว่าครอบครัวโทโนะนั้น กลับไม่เคยมีต้นแบบที่ดีเลย
ครอบครัวโทโนะ อันประกอบไปด้วย
คุณพ่อที่ทำงานนอกบ้านทุกวัน - เคนอิจิ (ทานากะ นาโอคิ)
คุณแม่ที่เป็นแม่บ้านเต็มตัว – อาคิ (คันโนะ มิโฮะ)
พี่ชายคนโตของบ้านที่อบอุ่นและใจดีเสมอ - คาซึกิ (ซาโนะ ฮายาโตะ)
น้องสาววัยอนุบาลที่มองโลกในแง่ดี - โซระ (อินางาคิ คุรุมิ)



ทั้ง4คนย้ายเข้ามาอยู่อาศัยในตึกสูงถึง50ชั้น โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังจะต้องเผชิญนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายจนแทบจะทำให้สถาบันครอบครัวล่มสลายได้เลยทีเดียว ที่นี่พวกเขาจะต้องเจอทั้งการแบ่งชนชั้น การรังแก และความลับดำมืดที่ซุกซ่อนอยู่ในตึกแห่งนี้

นอกจากนี้ พวกเขายังต้องเจอกับคดีลักพาตัวเด็กที่เกิดขึ้นติดๆกัน ซึ่งจะเป็นเครื่องพิสูจน์บททดสอบความเป็นแม่ ความเป็นสถาบันครอบครัวว่าพวกเขาแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ และผ่านพ้นมันไปได้หรือไม่ ถึงแม้ในบางครั้งก็สุ่มเสี่ยงแทบจะล่มสลายก็ตาม




(**โปรดระวัง เนื้อหาด้านล่างเป็นการสปอยล์เนื้อเรื่องส่วนสำคัญทั้งหมด)




เคนอิจิ คุณพ่อที่ขยันขันแข็งคอยต่อสู้กับโลกภายนอกเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวอยู่เสมอ เขาก็เป็นภาพสะท้อนของคุณพ่อในญี่ปุ่นทั่วๆไปที่ทุ่มเทให้กับการงานจนหลงลืมเวลาที่จะทุ่มเทให้กับครอบครัวไปบ้าง ภาพของเคนอิจิถูกฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในละครญี่ปุ่นแทบทุกเรื่อง จนเรารู้สึกว่าเขาเป็นคุณพ่อธรรมดาที่ธรรมดาจริงๆ

การย้ายเข้ามาอยู่ในตึกที่มีราคามหาศาลนั้นเป็นเหมือนวิมานบนดินที่แสนสวยงาม เป็นสิ่งที่เขาวาดฝันมาโดยตลอดว่าอยากจะให้ครอบครัวอยู่ในที่ที่สุขสบาย แต่ความจริงแล้วมันกลับเป็นภาระที่หนักอึ้ง เขาไม่อาจหนีความกดดันจากที่ทำงาน การถูกหัวหน้ากดขี่ และยิ่งไปกว่านั้น ห้องที่เขาซื้อไว้กลับกลายเป็นคมดาบที่คอยจ่ออยู่ปลายคอของเขาตลอดเวลา



เมื่อโดนปลายดาบจ่อคออยู่ คุณพ่อจึงต้องดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อให้เอาชีวิตรอดในบริษัท แม้ว่าจะต้องก้มหัวให้กับคนที่น่ารังเกียจก็ต้องยอมทำ และแล้วเขาก็เข้าไปพัวพันกับภารกิจผิดกฏหมายของบริษัทลูกค้าที่เขาจำใจต้องทำ เพื่อให้ได้มาซึ่งการเซ็นตกลงยินยอมเป็นพาร์ทเนอร์บริษัทตัวเอง เขาต้องขายวิญญาณเพื่อต่อลมหายใจของครอบครัวให้อยู่ได้นานที่สุด

แต่ทว่า สิ่งที่เขาทุ่มเทกำลังทำลายสถาบันครอบครัวอย่างช้าๆ เมื่อครอบครัวมีปัญหาต้องการความช่วยเหลือ คนที่เป็นพ่อกลับไม่สามารถทำหน้าที่คุณพ่อได้เลยสักครั้ง จนในวันที่ครอบครัวใกล้ล่มสลายอยู่รอมร่อ เขาจึงตัดสินใจกลับมาลุกสู้อีกครั้งเพื่อครอบครัวของตัวเอง



ในทางกลับกัน คาซึกิ พี่ชายคนโตของบ้านที่พูดน้อย แต่อบอุ่นและใจดีกับน้องสาวเสมอ พี่ชายที่ไม่เคยทำให้ครอบครัวรู้สึกผิดหวังเลยสักครั้งจนทุกคนไว้วางใจ แต่ใครจะรู้ว่าโลกที่พี่ชายเจอนั้นกลับเลวร้ายยิ่งกว่าโลกที่ผู้ใหญ่ต้องเจอเสียอีก

วันหนึ่ง คาซึกิได้เห็นแหวนแต่งงานของคุณพ่อที่ถอดทิ้งไว้ในห้องน้ำ เขาเห็นวันแต่งงานสลักอยู่หลังแหวนวงนั้น ตัวเลขปีที่แต่งงานอยู่หลังปีที่เขาเกิด2ปี ทำให้เขาเริ่มสงสัยว่าตัวเองเป็นใครกันแน่ เขาจึงเริ่มค้นทะเบียนบ้าน แล้วพบว่าความจริงตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆของแม่คนนี้

คาซึกิเริ่มคิดว่าตัวเองเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่มาขออยู่อาศัยบ้านหลังนี้เท่านั้น แต่ความที่อาคินั้นดีกับเขาเสมอ อาคิไม่เคยทำหน้าที่แม่ได้ขาดตกบกพร่องเลยสักครั้ง เขาจึงรอคอยสักวันหนึ่งที่พ่อแม่ของเขาจะเข้ามาเล่าความจริงเรื่องนี้ให้ฟัง แต่สิ่งที่เขาภาวนามันไม่เคยเป็นความจริงสักครั้ง ครอบครัวไม่เคยเชื่อใจเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว



ความคิดมากทำให้เขาเริ่มพูดน้อยลงจนกลายเป็นคนเก็บตัว เวลาอยู่โรงเรียนก็ไม่เคยมีเพื่อน ซึ่งสังคมโรงเรียน คนที่แปลกมักจะกลายเป็นเป้าหมายในการโดนแกล้งเสมอ และแล้วคาซึกิก็กลายเป็นหนึ่งในนั้น เขาโดนคนที่โรงเรียนรังแกเสมอ แต่ก็ไม่อาจนำเรื่องนี้ไปปรึกษาใครได้ เพราะครอบครัวมักจะไว้วางใจพี่ชายตลอด ทุกครั้งที่มีปัญหาอะไรก็จะบอกตลอดว่าพี่ชายเป็นคนแข็งแกร่ง เป็นพี่ของน้อง เพราะฉะนั้นต้องเข้มแข็งเอาไว้เสมอ แสดงความเข้มแข็งให้ทุกคนเห็นทุกครั้งทั้งๆที่ข้างใจจิตใจเขาใกล้จะแหลกสลายลงก็ตามที

การแกล้งกันค่อยๆเลยเถิดขึ้นไปเรื่อยๆ แม้ว่าเขาจะย้ายโรงเรียนมาอยู่ม.ปลายอีกที่หนึ่ง แต่ก็ยังโดนตามรังควาญอยู่เสมอ ความผิดปกตินี้ถูกเพื่อนสาวคนหนึ่งค้นพบ เธอพยายามช่วยเขาดึงออกมาจากจุดมืดมิด แต่ซ้ำร้าย สิ่งที่เธอทำยิ่งเป็นการฝังกลบเขาให้จมลงไปเรื่อยๆ



และแล้ววันหนึ่ง คุณป้าห้องชั้นบน-ยูมิโกะ ก็เข้ามายื่นมือให้ความช่วยเหลือ เธอช่วยกำจัดแก๊งอันธพาลที่คอยรังควาญตัวเขา และยังจะช่วยให้คำตอบสิ่งที่เขาสงสัยมาโดยตลอด ในจุดที่มืดมิดยังมีแสงสว่างเล็กๆที่อบอุ่น เขาจึงยื่นมือให้อย่างไม่ลังเล

ยูมิโกะ สาวปริศนาชั้น26 เธอเป็นเพียงคนเดียวในตึกแห่งนี้ที่คอยให้ความช่วยเหลือกับอาคิเสมอ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องที่วิกฤต จวนเจียนจะถึงจุดอันตราย ยูมิโกะจะเป็นเสมือนดั่งนางฟ้าที่ลงมายื่นมือช่วยอาคิได้ทันเวลาทุกครั้ง และนอกจากนี้ เธอยังเป็นคนที่บรรดาแม่ๆในตึกให้ความไว้วางใจอีกด้วย



แต่ความจริงแล้วเธอกลับมีความลับที่ดำมืดซุกซ่อนอยู่ เป็นความลับที่ดำมืดยิ่งกว่าใครๆในตึกแห่งนี้ ในห้องของเธอมีCCTVที่คอยจับตาดูพฤติกรรมคุณแม่ทุกคนในตึกทุกฝีก้าว เธอคอยพิพากษาคุณแม่ที่กระทำความผิดด้วยวิธีการที่สุดแสนจะโหดร้าย

ก่อนหน้านี้ เธอเคยกระทำความผิดจนต้องเข้าคุกและตัดสินใจยกลูกของตัวเองให้คนอื่นไป เธอสละสิทธิ์สิทธิ์ในความเป็นแม่คน แต่ก็ไม่เคยหมดความพยายาม เธอคอยติดตามชีวิตลูกของเธอทุกฝีก้าวโดยไม่ให้เขารู้ตัว และรอคอยวันที่จะได้พิพากษาคุณแม่ของลูกเธอ ถ้าเกิดคนๆนั้นสูญสิ้นคุณสมบัติในการเป็นแม่คนขึ้นมา



ยูมิโกะนั้นรอคอยหยิบยื่นความหายนะให้แก่ครอบครัวทาคาโนะทีละนิดๆ ราวกับหอคอยทรายที่มีเธอคอยแอบตักทรายออกอย่างช้าๆโดยไม่ให้พวกเขารู้ตัว จนวันที่หอคอยทั้งหมดพังทลายเหลือเพียงแค่ทรายกองเดียวเท่านั้น

สุดท้าย คุณแม่หัวใจแกร่ง อาคิ หลังจากที่เธอถูกแม่ทิ้งเพียงเพื่อหนีตามผู้ชายไป ทิ้งเธอให้ทำงานในร้านซักรีดเพียงตัวคนเดียว เธอโกรธแค้นแม่ของตัวเอง และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นแม่แบบที่แม่เคยกระทำต่อตัวเธอ



เธอตัดสินใจเลือกแต่งงานและทิ้งชีวิตทั้งหมดเพื่ออุทิศให้กับการเป็นแม่ แต่ว่ามันกลับไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆเลย ไหนจะต้องคอยเข้าสังคมของคุณแม่ที่มีการจัดลำดับชนชั้นโดยแบ่งตามชั้นห้องพัก ต้องคอยพะเน้าพะนอเอาใจคุณแม่ที่อาศัยชั้นสูงกว่า เพื่อให้ลูกของตัวเองไม่โดนกีดกันจากคนรอบข้าง และยังต้องคอยดูแลเรื่องต่างๆภายในบ้านให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง

สามีของเธอขอร้องให้ตีสนิทกับคุณแม่ชั้นบนสุดของอาคารไว้ เพื่อให้การเจรจาธุรกิจนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ทุกๆอย่างมันไม่ง่ายเลย ในระหว่างที่เธอสับสนเรื่องการเป็นแม่ที่ดีนั้น เธอได้พบกับคุณครูสอนวิชาพละ อุบุคาตะ โคเฮย์ (อิวะตะ ทาคาโนริ) เพื่อนสมัยเด็กที่แอบรักเธอมาตลอด เขากลายเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งที่คอยให้คำปรึกษากับอาคิได้เสมอ



แต่แล้วเรื่องของเธอและเธอถูกใส่ร้ายว่าเป็นการคบชู้ โคเฮย์ไม่มีทางเลือกจึงต้องโดนสั่งให้ออกจากงาน เขาเลือกที่จะออกเดินทางสู่โลกกว้าง โดยก่อนที่เขาจะไปนั้นเขาได้ชวนอาคิให้ร่วมไปด้วยกันกับเขา

การเป็นได้เป็นแม่คน ก็เหมือนได้ไปเที่ยวรอบโลก ได้เจอเรื่องใหม่ๆที่สนุกในทุกๆวัน"

เธอตัดสินใจเลือกประคองชีวิตครอบครัวไว้ แล้วหันหลังจากอิสรภาพเสรีไปสู่การเป็นแม่ที่ลูกๆสามารถยืดอกภาคภูมิใจได้



และโคเฮย์ คุณครูที่แสนอบอุ่นใจดี แต่ความจริงเบื้องหลังของเขากลับดำมืด แฝงด้วยความปวดร้าวจากการโดนทำร้ายในวัยเด็ก ความเครียดจากการกระทำของแม่สั่งสมเรื่อยๆจนในที่สุดเขาจึงตัดสินให้ว่าจะคอยพิพากษาแม่ทุกคนที่ทอดทิ้งลูกด้วยวิธีการสุดโต่งในรูปแบบของเขา

ครอบครัวจะสุขสมบูรณ์ได้ เมื่อสายสัมพันธ์ภายในครอบครัวแข็งแรงพอ เพียงแต่พวกเขาต้องเธอบททดสอบที่โหดร้าย โดยมีสิ่งรอบข้างเป็นตัวช่วยกระตุ้นปฏิกิริยาให้ทุกอย่างเกิดเร็วยิ่งขึ้น ในที่สุดครอบครัวทาคาโนะก็ฝ่าฟันอุปสรรคได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าปราสาททรายที่ก่อขึ้นไว้มันสึกเสียจนใกล้แหลกสลายก็ตามที

สุดท้ายนี้ เราคงต้องถามตัวเองว่า เรารู้จักลูกของเราดีพอแล้วหรือยัง
เราคาดหวังให้คนอื่นเชื่อเรา แล้วเราล่ะ เชื่อมั่นในตัวเขาดีพอแล้วหรือยัง
ทุกคนในครอบครัวจับมือกันแน่นพอที่จะไม่มีใครสามารถเข้ามาทำร้ายได้หรือยัง
ลองหันกลับไปคุยกับครอบครัวอีกครั้งหนึ่งก่อนที่ทุกอย่างจะพังทลายอย่างไม่มีทางซ่อมแซมคืนได้
และเมื่อคุณซ่อมแซมมันแล้ว หอคอยที่คุณซ่อมมามันจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

(จบส่วนสปอย)





ทั้งนี้ เรื่องนี้ในแง่ของการสืบสวนเรื่องนี้ถือว่ายังทำได้ไม่ดีพอ แต่ก็ไม่เลวร้ายมาก เนื่องด้วยตัวละครในเรื่องที่ปรากฏมีค่อนข้างน้อย จึงเดาได้ไม่ยากว่าแท้จริงแล้วเบื้องลึกเบื้องหลังของคดีนี้เป็นใครกันแน่ที่เป็นผู้ก่อเหตุทั้งหมด



แต่สิ่งที่เรื่องนี้ทำได้ดีมากๆจนต้องยอมรับเลยคือเรื่องการสะท้อนสังคม ความแข็งแกร่งในสถาบันครอบครัวที่สามารถยับยั้งปัญหาสังคมได้ เรื่องนี้นำเสนอออกมาได้อย่างเยี่ยมยอดจนต้องปรบมือให้

ตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้ถูกเขียนออกมาได้อย่างดี ทุกคนมีเรื่องราวของตัวเองทั้งสิ้น ไม่มีตัวไหนที่ถูกทิ้งๆขว้างๆอย่างไม่มีสาเหตุ ตอนแรกคิดว่าพี่ชายเป็นเพียงตัวละครดาดๆ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบทที่เด่นมากๆในเรื่อง เป็นจุดเชื่อมโยงทุกๆคนเอาไว้ด้วยกัน น่าประทับใจมาก



การวางโครงเรื่องทำได้ค่อนข้างดี เนื่องจากละครเรื่องนี้ดาร์คมาก ดูแล้วเครียด แต่คนเขียนก็ไม่ออมมือเลย เขาสามารถทำให้เนื้อเรื่องดำดิ่งสู่จุดมืดมิดลงไปได้เรื่อยๆ เสียจนคนดูอย่างเรายังต้องขนลุกกับการวางแผนล่วงหน้าของผู้เขียน การค่อยๆเฉลยปมทีละนิดๆยิ่งทำให้คนดูอย่างเราหยุดไม่ได้จริงๆที่จะต้องกดดูตอนใหม่ไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าได้ดูสดคงอาจจะมีการลงแดงตายไปข้างนึงแน่ๆ

อีกเรื่องที่ต้องชมอย่างขาดไม่ได้คือการแสดงของตัวละครหลักทุกตัวในเรื่อง ความแข็งขันของอาคิ ความเลือดเย็นของยูมิโกะ และการแสดงครั้งแรกแต่ก็ทำได้ดีไม่ใช่น้อยของคาซึกิ 3คนนี้เล่นสอดประสานกันได้อย่างลงตัวจนบางทีก็เผลอคิดว่านี่เขาเป็นครอบครัวกันจริงหรือเปล่านะ




สรุปสุดท้าย เรื่องนี้ให้ 8 และเป็นละครอีกเรื่องหนึ่งในซีซั่นนี้ที่ไม่อยากให้คุณพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากเรื่องWe married as a job! กับ Pretty Proofreader ที่เป็นกระแสมากๆในซีซั่นนี้ เรื่องนี้ก็เป้นอีกเรื่องที่อยากให้คุณลองมองดูสักนิด แล้วคุณจะรักเรื่องนี้มากๆ แม้ว่าบางทีอาจจะอยากตบตัวละครบางตัวก็ตาม

Friday, October 14, 2016

Review ละครซีซั่นฤดูใบไม้ร่วง - Last cop, Jimi ni Sugoi, Nigeru Haji, Career

ละครญี่ปุ่นซีซั่นส่งท้ายปี(ฤดูใบไม้ร่วง)ก็เริ่มฉายกันบ้างแล้ว
ผมก็ไม่พลาดรับชมเรื่องต่างๆเช่นเคยเหมือนกับซีซั่นที่แล้ว
ในเอนทรี่ก่อนหน้าผมทายรางวัลเอาไว้ ปรากฏว่าSanada Maruเอาไปกินหมด 555 เป็นเรื่องที่ผมไม่ได้ดูเสียด้วยสิ
แต่อย่างน้อยละครที่เดาไว้ก็ติดที่2-3ทุกคนครับ ค่อยยังชั่ว
ทั้งนี้ ในเอนทรี่นี้ผมจะหยิบละคร4เรื่องที่ได้ดูตอนแรกไปแล้วนำมาเขียนความคิดเห็นครับ
ทั้งนี้ยังไม่ได้คะแนนนะครับ รอให้จบซีซั่นแล้วค่อยให้คะแนนอีกทีนึง

  1. The Last Cop


ฉายวันเสาร์ 21.00 ทางช่อง NTV

เรื่องย่อ
เคียวโกคุ โคสุเกะ (คาราซาวะ โทชิอากิ) ตำรวจเลือดร้อนฟื้นขึ้นมาหลังจากที่เขานอนไม่ได้สติมาเป็นเวลา30ปี โลกที่เขาเคยรู้จักก็เปลี่ยนไป เพื่อนร่วมงานของเขาก็เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้า ครอบครัวที่เคยมีก็ถูกรุ่นน้องแย่งไป เทคโนโลยีต่างๆก็มีการพัฒนามากขึ้น แต่ทว่าอาชญากรรมกลับไม่ได้ลดลงเลยสักนิด เขาจึงกลับมาเป็นตำรวจอีกครั้งและถูกจับคู่กับคู่หูคนใหม่ โมจิซึกิ เรียวตะ (คุโบตะ มาซากิ) เพื่อสะสางคดีของชายปริศนาชื่อคางุระที่เคยปั่นป่วนตำรวจจนเขาต้องเข้าโรงพยาบาลในคราวนั้น

ความคิดเห็น
  • The Last Cop เป็นละครที่ทำภาคพิเศษ4ตอน (แบ่งเป็นseason0 -1ตอน และseason1 – 3 ตอน) งงมั้ย
  • โดยในSeason 0 จะเล่าเรื่องพื้นหลังตัวละครคร่าวๆ และเปิดเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มอาชญากรที่ชื่อชีซ่าร์(ฉายในปี2015) ส่วนในSeason 1 จะเริ่มเล่าความสัมพันธ์ของเคียวโกขุกับครอบครัว จบseason0กับ1ก็จะเคลียร์เรื่องครอบครัวแต่วายร้ายคางุระก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไปให้เรามาดูต่อในseason2
  • ซึ่งจะมาแบ่งซอยอะไรกัน 5555 ทำให้มันเป็นภาคเดียวกันก็ได้ โธ่
  • ละครเรื่องนี้ตลกกว่าที่คิดครับ ถึงตาเคียวโกคุจะเล่นมุกลุงที่ไม่ค่อยตลกเท่าไหร่ แต่ก็แอบขำในความฝืดอยู่เหมือนกัน ผมว่าจังหวะตลกมีความคล้ายคลึงกับเรื่องIe Uru Onnaนิดๆ
  • สิ่งที่ชอบอีกอย่างหนึ่งคืองานระเบิดภูเขาเผากระท่อมโหดมาก ระเบิดเป็นระเบิดไม่มีก๊องๆแก๊งๆ บู๊สะบั้นจริงๆครับ อาหลองควรดู
  • คาราซาวะ โทชิอากิ หล่อมากกกก หล่อวัวตายควายล้ม เหมือนดูพี่ติ๊กเจษ แก่แล้วก็ยังหล่อ งานบู๊พี่แกก็ทุ่มสุดตัว
  • คุโบตะ มาซากิ เล่นเป็นตัวคอมเมดี้ของเรื่อง ซึ่งก็ทำได้ดีครับ งานoveractionพี่แกทำได้โอเวอร์จริงๆ บางทีก็หนวกหูไปหน่อย ลืมภาพไลท์ในเดธโน๊ตไปเลย
  • อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือซาซากิ โนโซมิ ผมเป็นแฟนคลับเธอตั้งแต่เรื่องFirst Classครับ เรื่องนี้ก็เล่นเป็นลูกสาวที่น่ารักได้ดีเหมือนกัน
  • เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการสืบสวนมันยังไม่อลังการเท่าไหร่ แต่ที่ชอบอีกอย่างคือเนื้อเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวครับ อบอุ่นและหาsolutionของเรื่องได้ดีจริงๆ ยอมใจ
  • สรุป ดูต่อแน่นอนครับ ดูกันยาวๆจนจบ หวังว่าจะจบไม่แป้ก (แต่ละครสืบสวนญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าจบแป้กอยู่แล้วฉะนั้นก็อย่าคาดหวังเลย T_T) ดูเอาฮาครับ

  1. Jimi ni Sugoi!
    ชื่ออังกฤษ Pretty Proofreader
    ฉายวันพุธ 22.00 ช่องNTV

เรื่องย่อ
โคโนะ เอทสึโกะ (อิชิฮาระ ซาโตมิ) สาวน้อยผู้หลงใหลในวงการแฟชั่น และใฝ่ฝันที่จะเป็นกองยรรณาธิการนิตยสารLassyมาอย่างยาวนาน เธอกลับไม่ถูกรับเลือกเข้าทำงานเลยสักครั้ง และแล้วในที่สุดสัมฤทธิ์ผล บริษัทเรียกให้เธอเข้ามาทำงาน แต่ทว่ากลับถูกบรรจุให้อยู่ในแผนกพิสูจน์อักษรแทน เธอจึงต้องพยายามเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเองที่มีต่อบริษัท เพื่อให้เธอก้าวไปเป็นกองบก.ให้จงได้

ความคิดเห็น
  • น่าสนใจมากที่ละครหยิบเอาอาชีพพิสูจน์อักษรที่ท่าทางน่าเบื่อมาทำให้เราดูสนุกได้ และเรื่องนี้ก็ทำให้เราไม่ผิดหวังได้จริงๆครับ
  • ถ้าคนที่รู้ภาษาญี่ปุ่นมาบ้างดูเรื่องนี้จะเก็ทขึ้นครับ บางทีภาษาญี่ปุ่นสำหรับคนญี่ปุ่นด้วยกันเองยังยากเลย
  • ละครเรื่องนี้ทำให้เราได้เห็นการต่อสู้ของตำแหน่งเล็กๆอย่างพิสูจน์อักษร ไม่ว่าตำแหน่งจะเล็กแค่ไหนในบริษัทก็มีเกียรติด้วยกันทั้งนั้น
  • อีกอย่างคือเรื่องนี้ตลกพอสมควรครับ ชอบความกัดจิกของนางเอก เธอเป็นสาวGen Yที่กล้าพูดกล้าต่อล้อต่อเถียงกับคนในบริษัท บางทีก็อาจจะทำให้เหวอกันทั้งออฟฟิศได้ ตลกดีครับ
  • อิชิฮาระ ซาโตมิ ก็ยังเป็นซาโตมิเหมือนเดิม คาแรกเตอร์เหมือนในเรื่องfrom 5 to 9 ไม่มีผิด โก๊ะๆเด๋อๆ คุยกับตัวเองตลอด น่ารักตามสูตรสำเร็จนางเอกโชโจมังงะ
  • ส่วนพระเอก สุดา มาซากิ ออกตอนแรกน้อยมาก เลยยังโนคอมเมนท์ครับ
  • สรุป ดูจบแน่นอนครับ ละครซาโตมิยังไงก็ต้องดูจบ แฟนคลับซะอย่าง

  1. Nigeru wa Haji da ga Yaku ni Tatsu
    ชื่ออังกฤษ We married as a job! / The Full-Time Wife Escapist
    ฉายวันอังคาร 22.00 ช่อง TBS

เรื่องย่อ
เมื่อโมริยามะ มิคุริ (อารางาคิ ยุย) คนที่ไม่ประสบความสำเร็จทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงาน เธอรับงานรับจ้างทำความสะอาดต่อจากพ่อของเธอ วันหนึ่งเธอก็ได้รับการว่าจ้างให้ไปช่วยทำความสะอาดบ้านของ ทสึซากิ ฮิรามาสะ (โฮชิโนะ เก็น) หนุ่มโสดผู้โดดเด่นในเรื่องการทำงานแต่กลับไม่มีวี่แววเรื่องการแต่งงานเลย
มิคุริเริ่มรู้สึกชอบงานใหม่ที่เธอทำ แต่แล้ววันหนึ่งครอบครัวของมิคุริต้องย้ายบ้านไปต่างจังหวัด เธอจึงยื่นข้อเสนอให้ชายหนุ่มเป็นนายจ้างเธอ และจดทะเบียนสมรส(หลอก)จ้างเป็นแม่บ้านทำความสะอาดบ้าน

ความคิดเห็น
  • เหนือสิ่งอื่นใดเลยคือ อารางากิ ยุย(งักกี้) น่ารักมากกกกกก เรียกว่าเป็นเจ้าสาวในอุดมคติเลยก็ว่าได้ น่ารัก ทำงานบ้านเก่ง เอาใจเจ้านาย
  • เนื้อเรื่องก็น่ารักดี แนวพระเอกสายมึนๆเนิร์ดๆ กับนางเอกน่ารัก แต่งงานกันหลอกๆ มีสถานะภาพเป็นลูกจ้างกับนายจ้าง ไปๆมาๆก็รักกัน(?) อะไรแบบนี้ แค่คิดก็จิกหมอนแล้ว
  • ถ้าพูดอะไรให้ดูซีเรียสเป็นวิชาการ ก็มีความสะท้อนสังคมการทำงานญี่ปุ่นที่ละครทำออกมาได้ดีครับ บอกถึงความยากลำบากในการหางานทำในญี่ปุ่น
  • ตอนแรกอ่านชื่อเรื่องภาษาญี่ปุ่นก็งงๆ "ถึงอายที่จะต้องหนี แต่มีประโยชน์" พอได้ดูถึงเข้าใจว่าอ้อ อยากจะหนีจากการว่างงานมาเป็นแต่งงานนี่เอง 555เข้าใจคิดเนอะ
  • พล็อตประหลาดแบบนี้ดูจบแน่นอนครับ


  1. Career
    ฉายวันอาทิตย์ 21.00 ทางช่อง Fuji TV

เรื่องย่อ
โทยามะ คินชิโร่ (ทามากิ ฮิโรชิ) หัวหน้าตำรวจที่เพิ่งย้ายเข้ามาประจำการสถานีคิตะมาจิ ผู้มีอุดมการณ์ในการสืบสวนคือจะคอยรับฟังปัญหาและปกป้องสันติภาพของชาวเมือง เขาปฏิบัติไม่เหมือนหัวหน้าทั่วไปที่จะคอยเซ็นเอกสารบนโต๊ะทำงานเป็นงานประจำ แต่เขากลับออกสืบสวนทุกอย่างด้วยตัวเองและสร้างความไม่พอใจให้กับทีมสืบสวนเช่นกัน

ความคิดเห็น
  • ตอนแรกก็งงๆว่าcareerคืออะไร ลองไปค้นดูก็พบว่า careerคือผู้ที่สอบผ่านข้าราชการ มีcareer pathที่ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนอะไนก็อยู่ได้สบายจนเกษียณ ตรงข้ามกับnon-careerคือคนที่ไม่ได้สอบผ่านข้าราชการ
  • ซึ่งพระเอกเรื่องนี้ก็คือ career ส่วนพวกทีมสืบสวนก็เป็น non careerนั่นเอง
  • เนื้อเรื่องเล่าไปเรื่อยๆ มีความเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ พยายามปั้นพระเอกให้เป็นตำรวจในอุดมคติ ผมไม่ค่อยซื้อนะจุดนี้ รู้สึกขัดๆ
  • ความขัดใจอีกอย่างคือเงื่อนงำในเรื่องเป็นสิ่งที่อยากจะตะโกนว่าWTF ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอะไรทั้งสิ้น นึกจะโยงก็โยงกันแบบเออ เอางี้เลยเหรอ ได้!!!!
  • ทามากิก็ยังหล่อเหมือนเดิม แก่แล้วก็ยังหล่อ ติ๊งต๊องเล็กๆแต่ก็ยังดูดี
  • สรุปขอดูไปก่อนซัก3ตอน ถ้าไม่โอเคก็คงเทครับ



Thursday, September 15, 2016

Review ซีรี่ส์ญี่ปุ่น Summer/2016

รีวิวซีรี่ส์ญี่ปุ่น Summer 2016


ละครญี่ปุ่นช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมามีเรื่องที่น่าสนใจเยอะมาก
จึงอยากจะรวบรวมละครทั้งหมดที่ผมได้ดู นำมาบอกเล่าความคิดเห็น และแนะนำให้กับทุกท่าน
ทั้งนี้เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น มีข้อผิดพลาดประการใด หรือคิดเห็นไม่เหมือนกันก็แชร์กันในคอมเมนท์ได้เลยนะครับ
ส่วนละครซีซั่นเก่าจะรวบรวมมาให้อ่านในตอนหน้าครับ อันนี้จะพยายามไม่สปอยล์นะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



  1. Suki na Hito ga Iru Koto
    ชื่อภาษาอังกฤษ A Girl & Three Sweethearts
    ฉายวันจันทร์ 21.00 ช่องFuji TV

เรื่องย่อ
ซากุไร มิซากิ (คิริทานิ มิเรย์) เชฟทำขนมสาวผู้มุ่งมั่นกับอาชีพการงานตลอด วันหนึ่งเธอกลับถูกให้ออกจากงาน ระหว่างที่หางานใหม่เธอบังเอิญได้พบกับรักครั้งแรกสมัยมัธยม ชิบาซากิ จิอากิ (มิอุระ โชเฮย์) เขาชักชวนให้เธอมาเป็นพาร์ทิชิเย่ที่ร้านSea Sons ที่เขาดำเนินการอยู่ และร่วมชายคาเดียวกับน้องชายอีก2คน คือคานาตะ (ยามาซากิ เคนโตะ) และโทมะ (โนมุระ ชูเฮย์)


ความรู้สึก
  • ละครเป็นแนวโรแมนติกคอเมดี้ ตลกในความต๊องของนางเอก เนื้อเรื่องเทไปทางความรักกุ๊กกิ๊กของคู่พระนาง มีแตะเรื่องความสัมพันธ์ของครอบครัว และการไล่ตามความฝันบ้าง
  • แอบรำคาญความคิดไปเองของนางเอกเบาๆ สูตรสำเร็จนางเอกการ์ตูนตาหวานที่แท้จริง
  • สิ่งที่ดีงามที่สุดคือโลเคชั่นในการถ่ายทำ ละครหน้าร้อน โลเคชั่นริมทะเล ท้องฟ้าเปิดโล่งสีครามสวย ดูแล้วรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
  • เนื้อเรื่องค่อนข้างเบา เหมาะกับคนที่ไม่ชอบดูอะไรเครียดๆ สามารถดูได้เรื่อยๆ แอบน่าเบื่อในบางช่วง 5ตอนแรกวุ่นวายเรื่องแฟนเก่าคุณพี่โชเฮย์เยอะไปหน่อย เนื้อเรื่องไม่ค่อยก้าวไปข้างหน้าเท่าไหร่ แต่ความจริงแอบมีความลับซุกซ่อนไว้ทำให้น่าสนใจ
  • แต่กว่าจะเฉลยปมแรกของเรื่องก็ปาเข้าไปตอนที่ 6 ช้าไปไหมเธอ ตอนแรกกะว่าจะเทตั้งแต่ตอนที่ 3 แต่ก็หยิบตอนต่อมาเพื่อส่องพระเอก(โชเฮย์)เล่นๆไปเรื่อยๆ พอตอน 6 เท่านั้นแหละ อึ้งไปเลย... (ไม่สปอยล์)
  • ชื่อเรื่องว่า 3หวานใจก็พอเดาจากชื่อเรื่องได้ว่ามีพระเอกมาให้อวยเยอะแน่ๆ เจ้าของเอนทรี่ขอปักธงทีมคุณพี่โชเฮย์ ความยาซาชี่(อ่อนโยน)ของคุณพี่มันช่างดีต่อใจจริงๆ
  • แต่ความจริงรูปโปรโมตของละครค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้วว่าพระเอกคือยามะเคน แต่ในใจนี่ขอแช่งให้นางเอกนก สาธุ99 #งานแช่ง ยังดูไม่จบนะ
  • ยามะเคน is ยามะเคนจริงๆ ถ้าเป็นพระเอกนิสัยซึนเดเระ(ปากไม่ตรงกับใจ) ยังไงคุณพี่ยามะเคนก็เอาไปกิน /แอบปักธง
  • เพลงประกอบละครติดหูมากๆ ร้องโดยจียอน อดีตสมาชิกวงคาร่า ชอบครับ

สรุป ให้เรื่องนี้ 7 คะแนน เนื้อเรื่องดูเพลินๆดี แต่ไม่ค่อยน่าติดตามเท่าไหร่ครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



  1. ON – Ijou Hanzai Sousakan Todo Hinako
    ชื่อภาษาอังกฤษ Special Agent Todo Hinako
    ฉายวันอังคาร 22.00 ช่อง Fuji TV

เรื่องย่อ

โทโด ฮินาโกะ(ฮารุ) ตำรวจสืบสวนจบใหม่ที่ขยันและดูร่าเริง แต่เบื้องลึกเธอกลับซ่อนความลับดำมืดเอาไว้ ซึ่งนั่นก็คือ เธอเลือกอาชีพตำรวจเพราะต้องการหาคำตอบว่าคนๆหนึ่งจะกลายเป็นฆาตกรด้วยสาเหตุใด มีสิ่งใดเป็นสวิตช์ที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาฆ่าผู้อื่น ด้วยเหตุนี้จึงพาให้เธอเข้าไปพัวพันกับคดีฆาตกรรมแปลกประหลาดมากมาย


ความรู้สึก
  • ละครแนวสืบสวนสอบสวน ค่อนข้างไปในทางHorrorเลยทีเดียว ซูมสภาพศพ ซูมรอยแผล ซูมเลือด จริงๆก็ไม่ต้องทำให้มันเรียลขนาดนั้นก็ได้ ใครใจไม่แข็งพอไม่ควรดูครับ
  • เรื่องนี้จะมีคดีใหญ่ๆ1คดีเป็นเส้นเรื่องหลัก(จบในตอนที่5) และจะมีคดีย่อยตอนละ1คดี
  • อะไรที่เป็น Mysteryของญี่ปุ่นมักจะเริ่มต้นได้ดี แต่มักจะจบแป้กประจำ(ไม่สมเหตุสมผลหรือไขคดีได้อย่างง่ายดายเกินไป) แต่เรื่องนี้กลับทำจบออกมาได้โอเคเลย รับได้ เพิ่งดูถึงตอนที่5 จบครึ่งแรกได้ประทับใจ
  • เนื้อเรื่องสนุกมาก ชวนติดตาม ความลับของนางเอกน่าสนใจ ความจริงผมดูเรื่องนี้เพราะเพิ่งดูSekai Ichi Muzukashii Koiจบ แล้วอยากดูฮารุต่อมากๆ แต่ขี้เกียจดูเรื่องAsa gi Kita เลยเอาเรื่องนี้มาดูแทน ชอบมากๆ
  • จุดแข็งของละครญี่ปุ่นอย่างหนึ่งคือทำตัวละครโรคจิตออกมาได้สุดทางดี ผมชอบความโรคจิตของฆาตกร+ยัยนางเอกเรื่องนี้มาก ขนลุกตาม กลัวแล้ว
  • การดีไซน์คดีฆาตกรรมในเรื่องนี้ก็น่าสนใจครับ ทำออกมาค่อนข้างเหนือจินตนาการอยู่เหมือนกัน ฆ่าแบบเก๋ไก๋ไม่ซ้ำใครดี แต่ความโหดก็มาเต็ม ย้ำอีกครั้งว่ากลัวศพกลัวเลือดอย่าดูเลยครับ
  • จุดแย่อย่างนึงของเรื่องนี้คือการเฉลยปมย่อย ทำได้ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ จู่ๆไปดึงใครก็ไม่รู้มาเป็นฆาตกรเฉย ดูแล้วงงว่าอ้าวอีนี่มาจากไหนอ้ะ แล้วก็จบแบบงงๆ 555
  • เรื่องนี้มีพระเอก2คนมาให้เชียร์อีกแล้ว คนแรกคือตำรวจรุ่นพี่ปากหมาซาดิสม์ แสดงโดยโยโคยามะ ยู(คันจานิ8) กับอีกคนคือจิตแพทย์หนุ่มที่เข้าใจนางเอกไปซะทุกเรื่อง แสดงโดยฮายาชิ เคนโตะ
  • แน่นอนว่าผมปักธงเชียร์คุณหมอแน่ๆ พ่ายแพ้ความยาซาชี่ แต่ทำไมคนดีๆไม่ค่อยเข้าวินไม่เข้าใจเหมือนกัน ปล.ยังดูไม่จบนะครับ เลยยังไม่รู้ว่าใครจะเข้าวิน หรือนกทั้งคู่
  • ความจริงมันไม่มีฉากรักกุ๊กกิ๊กเลย โทนหม่นๆดาร์คๆทั้งเรื่อง แล้วจะมาอวยพระเอกอะไรก๊าน 555

สรุป ให้เรื่องนี้ 8 คะแนนครับ ส่วนตัวคือชอบจริงๆ แต่ย้ำอีกครั้งนึงว่าใจไม่แข็งอย่าดูเลยครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



  1. Seisei Suruhodo, Aishiteru
    ชื่อภาษาอังกฤษ For the Romantic/ Love Carharsis
    ฉายวันอังคาร 22.00 ช่องTBS

เรื่องย่อ
เรื่องราวความรักต้องห้ามที่แสนซับซ้อนระหว่าง คุริฮาระ มิอะ(ทาเคอิ เอมิ) สาวพีอาร์สุดมั่นในบริษัทอัญมณีชื่อดังอย่าง Tiffany เธอเลิกกับแฟนเนื่องจากไม่อยากลาออกจากบริษัทเพื่อไปแต่งงาน 
หลังจากนั้นโชคชะตาทำให้เธอได้พบกับรองประธานบริษัทคนใหม่ มิโยชิ ไคริ (ทาคิซาวะ ฮิเดอากิ) และค่อยๆตกหลุมรักเขาทีละนิด จนวันหนึ่งเธอรู้ว่าท่านรองประธานมีภรรยาที่นอนไม่ได้สติในโรงพยาบาลเป็นเจ้าของอยู่แล้ว


ความรู้สึก
  • เป็นละครที่โรแมนติกดราม่าสุดๆ ความน้ำเน่ามากกกกก(ก.ไก่x100ตัว) อะไรจะน้ำเน่าได้ขนาดนี้
  • ความดีงามของเรื่องอย่างนึงคือเพลงประกอบ ติดหูสุดๆ เพราะด้วย ใครดูจบต้องมีฮัมรุริระ รุรุริระบ้างแหละ
  • อีกอย่างที่ดีงามคือเสื้อผ้า ใครอยากได้referenceชุดทำงานชิคๆแนะนำให้ก๊อปปี้สไตล์ของนางเอกไปเลย ดูเรื่องนี้จะได้ดูเครื่องประดับสวยๆจากทิฟฟานี่แทบทุกตอน เป็นละครที่หรูหรามาก
  • ช่วงแรกๆของละครจะเน้นเกี่ยวกับการทำงานเยอะหน่อย การวางแผนโปรโมตสินค้า การแก้ไขcrisis อะไรพวกนี้ค่อนข้างเยอะ ใครอยากดูฉากเลิฟๆก็ต้องอดทนนิดนึง
  • พอเข้าสู่วังวนความรักเท่านั้นแหละ มาเต็มมาก ซีนอารมณ์มาแทบทุกฉาก เอมิร้องไห้แทบทุกฉากจนเริ่มสงสัยว่านางมีสวิตช์สั่งน้ำตาป่าวเนี่ย
  • นอกจากเอมิแล้ว บทภรรยาพระเอกก็น่าขนลุกมากครับ แสดงโดยคินามิ ฮารุกะ เธอต้องเล่นเป็นภรรยาที่โรคจิต อิจฉาในตัวนางเอกที่สามีมอบความรักให้ สายตาที่โกรธเกลียดชิงชังสื่อออกมาได้ดีมากๆ ดูแล้วรู้สึกเกลียดตามไปเลย 555
  • พระเอกเรื่องนี้ เหมือนเดิม มี2หนุ่มมาให้ตามเชียร์อีกแล้ว ระหว่างท่านรองประธานบริษัทอย่างฮิเดอากิ ทาคิซาวะ(หรือทักกี้นั่นแหละ) กับอีกคนคือพีอาร์จากแบรนด์Jimmy Chooที่ตามจีบนางเอกอย่างไม่ลดละ แสดงโดยนาคามุระ อาโออิ ซึ่งไม่ต้องถามว่าอวยใคร อวยคุณพี่จิมมี่ชูสิ แพ้ความยาซาชี่และคันไซเบง(เสียงเหน่อแบบตะวันตก)
  • เนื้อเรื่องรองของเพื่อนนางเอก2คนแย่งผู้ชายคนเดียวกันก็มีความสนุกอยู่เหมือนกันครับ ทำให้เรารู้ว่าผู้หญิงนี่น่ากลัวเหมือนกันเนอะ ถ้าอยากได้อะไรขึ้นมาเธอจะทำได้ทุกอย่างเลยล่ะ
  • เอาเป็นว่า ถ้าเป็นคนที่ไม่ชอบเรื่องราวความรักผิดศีลธรรม ผิดลูกผิดเมีย ประพฤติผิดในกาม ถือศีลข้อสามอย่างเคร่งครัดก็อย่าดูเลยครับ เสียความรู้สึกแน่นอน

สรุป ให้เรื่องนี้ 7 คะแนน น้ำเน่าไป หลังๆเริ่มรำคาญความคิดไปเองของนางเอก โถ สวย เลือกได้ หึ...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



  1. Ie Uru Onna
    ชื่อภาษาอังฤษ Your Home Is My Business
    ฉายวันพุธ 22.00 ช่องNTV

เรื่องย่อ
เธอโสด เธอสวย เธอแต่งตัวดี แต่เธอไม่เคยมีรอยยิ้มให้กับลูกค้าเลยสักครั้ง ซันเกนยะ มาจิ (คิตากาวะ เคย์โกะ) สาวนายหน้าค้าบ้านผู้ถือคติ "ไม่มีบ้านหลังไหนที่ฉันขายไม่ได้" และสามารถปิดการขายกับลูกค้าได้ในอัตรา 100% เธอรับมือกับลูกค้าหลากหลายประเภทในรูปแบบต่างๆ และยังช่วยแก้ปัญหาส่วนตัวของลูกค้าได้อีกด้วย


ความรู้สึก
  • ละครแนวการทำงาน คอเมดี้ สนุก ดูง่าย เข้าใจไม่ยากเท่าไหร่ ละครแนวการทำงานเป็นรูปแบบที่คนทำละครญี่ปุ่นถนัดอยู่แล้ว และเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้อย่างดีครับ
  • การตั้งชื่อตัวละครจะมีความเก๋อย่างหนึ่ง คือชื่อทุกคนจะมีชื่อส่วนประกอบในบ้าน เช่น ซันเกนยะ(บ้าน) นิวะโนะ(สวน) ยาชิโระ(อาคาร) มุโรตะ(ห้อง)
  • การรับมือกับลูกค้าในเรื่องนี้สนุกมาก เจาะชีวิตของนายหน้าได้เป็นอย่างดี เช่น นางเอกต้องขายบ้านที่เคยมีคดีฆาตกรรมเธอจะทำอย่างไร ขายบ้านให้กับฮิคิโคโมริ(คนที่ไม่ยอมออกจากบ้าน)เธอจะมีวิธีไหน บางทีก็ย้อนคิดว่าถ้าเป็นเราเองเราจะจัดการกับเหตุการณ์นี้ยังไงดี ซึ่งแต่ละวิธีที่เธอนำมาใช้ก็เป็นวิธีที่สร้างสรรค์มากจนเราคิดไม่ถึง กราบคนเขียนบท
  • เรื่องนี้สอนว่าการสังเกตลูกค้าแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆนั้นช่วยให้นางเอกสามารถปิดการขายได้ คนทำอาชีพเซลส์ควรดูครับ
  • นอกจากนี้จะได้เห็นการกระตุ้นคนในบริษัทของซังเกนยะว่าเธอจะบิ๊วลูกน้องให้ทำยอดขายได้อย่างไร ซึ่งความจริงก็แอบPower Harassmentไปหน่อย
  • การเล่าเรื่องพื้นหลังของนางเอกสนุกดี ค่อยๆเผยชีวิตของตัวเองออกมาทีละนิด สาเหตุที่ทำให้กลายเป็นคนแบบนี้ และบางทีก็มีมุมที่เป็นหัวหน้าที่สนับสนุนลูกน้อง แต่ไม่แสดงออกมาชัดเจน เป็นอะไรที่เราดูแล้วรู้สึกน่ารักดีครับ
  • ความคอเมดี้ของเรื่องนี้ทำออกมาได้เยี่ยมครับ จังหวะตลกดีมากๆ ทุกครั้งที่ซันเกนยะตะโกนว่า”GO!!” ตลกทุกครั้ง
  • ใครคาดหวังเรื่องโรแมนติกก็ไม่พลาด มีเหมือนกัน มีพระเอกมาให้อวย2คน(อีกแล้ว) คนแรกคือหัวหน้าสาขา แสดงโดย นาคามุระ โทรุ กับอีกคนคือลูกน้อง(ทาส)ของซันเกนยะ แสดงโดยคุโด อาสุกะ แต่หวังเรื่องรักๆในละครเรื่องนี้ไม่ค่อยได้ เพราะเรื่องเน้นการทำงานมากกว่า
  • แต่สิ่งที่คาดหวังได้แน่นอนคือการแสดงของคิตะกาวะ เคย์โกะ ทำดีมากครับ ทุ่มสุดตัว สมกับที่เป็นดาราแม่เหล็ก

สรุป เรื่องนี้ให้ 9 ครับ เรื่องนี้ผมชอบที่สุดในซีซั่นนี้เลย หักคะแนนตอนจบเท่านั้นเอง ขัดใจ...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



  1. Hajimemashite, Aishiteimasu
    ฉายวันพฤหัส 21.00 ช่องTV Asahi

เรื่องย่อ
คู่สามีภรรยาอุเมดะ ตัดสินใจว่าจะยังไม่มีลูกจนกว่า มินะ (โอโนะ มาจิโกะ) ภรรยาจะสามารถเอาชนะการแข่งขันระดับประเทศและเป็นนักเปียโนมืออาชีพให้ได้ แต่ว่าเธอตั้งแต่มัธยมเธอแพ้ติดต่อกัน49ครั้ง และถ้ายังทำไม่สำเร็จอีกก็ตั้งใจว่าจะล้มเลิกความฝันเสียที 
และแล้วพรหมลิขิตก็พาเด็กชายปริศนาโผล่เข้ามาในบ้าน(โยโคยามะ วาตารุทั้งคู่จึงตั้งใจรับเด็กคนนี้เป็นลูกบุญธรรมและทำให้ชีวิต"ครอบครัว"มีความหมาย


ความรู้สึก
  • ละครแนวดราม่า ครอบครัวที่เนื้อหาเข้มข้นมาก อาจจะมีบางตอนที่ทำให้ต้องเสียน้ำตากันได้เลย
  • ละครเรื่องนี้จะพาเราไปเข้าถึงระบบการเลี้ยงบุตรบุญธรรมว่ามันละเอียดอ่อนแค่ไหน การจะรับคนๆนึงมาเป็นลูกไม่ใช่ว่าเข้าไปในสถานสงเคราะห์แล้วจิ้มๆใครออกมาเลี้ยงก็ได้ ถ้าเลี้ยงแล้วเบื่อก็โยนเข้าสถานสงเคราะห์เหมือนเดิมหรือเอาไปปล่อยวัดไม่ได้ ถ้าอยากจะหย่าทีหลังก็ทำไม่ได้ การที่คุณจะเลี้ยงคนๆนึงมันคือชีวิตทั้งชีวิตและอนาคตของเขา เป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคนๆหนึ่งไปได้เลยครับ
  • เพราะฉะนั้นการคัดเลือกพ่อแม่จึงกลายเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งละครเรื่องนี้จะพาเราไปเจาะเรื่องการเป็นพ่อแม่ที่ดีควรจะเป็นอย่างไร
  • ปัญหาการถูกพ่อแม่ทิ้งก็เป็นเรื่องที่น่าสลดใจเหมือนกัน เด็กที่อายุไม่กี่ขวบต้องเจอเรื่องร้าย มันจะกลายเป็นบาดแผลในใจทั้งชีวิตที่ไม่มีทางหายขาด คิดจะมีลูกเองก็ต้องคิดให้ดีเช่นกัน ไม่ใช่ว่ามีแล้วเลี้ยงทิ้งๆขว้างๆ
  • แค่เนื้อหาตอนแรกก็หนักพอสมควรแล้ว หลังๆจะเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็จะมีจุดที่ทำให้เราผ่อนคลาย ยิ้มไปกับความไร้เดียวสาของเด็ก ตอนนี้ดูไปไม่เท่าไหร่เลยไม่ค่อยมีความเห็นอะไรมากมายครับ

สรุป เรื่องนี้ให้ 9 คะแนนครับ ละครเนื้อหาดีๆแบบนี้ไม่น่าพลาดครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



  1. Koe Koiฉายวันศุกร์ 24.52 ช่อง TV Tokyo

เรื่องย่อ
โยชิโอกะ ยุยโกะ (นากาโนะ เม) เริ่มต้นชีวิตม.ปลายได้ไม่ดีนักเนื่องจากอาการป่วย จนทำให้ไม่ได้ไปโรงเรียนในวันแรก ทว่า หัวหน้าห้องมัตสึบาระคุง กลับโทรมาไถ่ถามอาการด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จนเธอตกหลุมรักน้ำเสียงของเขา แต่แล้ววันต่อมาก็พบว่ามัตสึบาระคุงเป็นชายปริศนาที่มีถุงกระดาษครอบหัวอยู่ตลอดเวลา


ความรู้สึก
  • ละครแนวเลิฟคอเมดี้ในโรงเรียนที่ดูสนุกใช้ได้ครับ
  • เรื่องนี้ทำมาจากมังงะในชื่อเดียวกัน จังหวะในเรื่องเลยจะเป็นจังหวะมังงะไปหน่อย เหมือนไม่ได้ดูละครแต่เหมือนดูอนิเมแบบLive Action ดูแล้วขัดๆไปหน่อย แต่ผมว่าสนุกดีนะ
  • คนที่พากย์มัตสึบาระคุงคือซากุไร ทาคาฮิโระ ผมไม่ค่อยดูอนิเมเลยไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่เพื่อนบอกว่าเป็นนักพากย์ที่นิยมมากๆครับ ผมว่าเสียงเขาเพราะดีครับ
  • ตอนดูต้องลดความสว่างหน้าจอตลอด เผลอบาลานซ์Brightnessเยอะเกินไปเหรอ แสบตาเกิน 555

สรุป เรื่องนี้ให้ 6 คะแนนครับ เป็นละครกลางๆไม่โดดเด่นเท่าไหร่

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



  1. Toki wo Kakeru Shoujo
    ชื่อภาษาอังกฤษ The girl who leapt through time
    ฉายวันเสาร์ 21.00 ช่องNTV

เรื่องย่อ
วันหนึ่งโยชิยามะ มิฮาเนะ (คุโรชิมะ ยุยนะ) เดินผ่านห้องแล็บเคมี เธอสูดดมสารเคมีตัวหนึ่งเข้าไป แล้วหลังจากนั้นเธอก็มีความสามารถพิเศษในการย้อนเวลาได้เพื่อแก้ไขเหตุการณ์ต่างๆ
ฟุรุมาจิ โชเฮย์ (คิคุจิ ฟูมะ) เพื่อนสนิทในวัยเด็กของมิฮาเนะ หรือคนที่มิฮาเนะเข้าใจว่าเขาเป็นเพื่อน ความจริงแล้วเขาเป็นนักวิจัยอัจฉริยะจากอนาคตผู้คิดค้นยาย้อนเวลาได้ เขาย้อนมายังปี2016 แต่ว่าไม่สามารถย้อนกลับไปยังเวลาที่เขาจากมาได้


ความรู้สึก
  • เป็นละครสั้นๆเพียง5ตอน เป็นละครแนวเลิฟคอเมดี้(อีกแล้ว) ตัวนำเรื่องเป็นผู้หญิง(อีกแล้ว) มีผู้ชาย2คนมาให้เลือก(อีกแล้ว) 555
  • บางทีเราอาจมีเรื่องที่อยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขอยู่ในใจ แต่ความจริงแล้วบางทีการไม่แก้ไขมันแล้วปล่อยให้เป็นไปอย่างนั้น มันอาจจะดีกว่าก็ได้
  • ทั้งนี้ทั้งนั้นมันเป็นละครไซไฟ ซึ่งเป็นแนวที่ผมไม่ถนัดเลยครับ ผมเลยค่อนข้างเฉยๆไปในทางไม่ชอบ แต่ถ้าคนอื่นอาจจะรู้สึกชอบก็ได้นะครับ

สรุป ให้ 6คะแนนครับ ดูเพลินๆ5ตอน แปปเดียวก็จบแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



  1. Kenja no Ai
    ฉายวันเสาร์ 22.00 ช่อง WOWOW

เรื่องย่อ
ทาคานากะ มายุโกะ (นากายามะ มิโฮะ) มีความสัมพันธ์ลับๆกับซาวามูระ นาโอมิ (ริวเซย์ เรียว) โดยปิดบังไม่ให้พ่อแม่ของฝ่ายชายได้รับรู้ แท้จริงแล้วนั่นคือการล้างแค้นที่เธอรอคอยมาตลอด 20 ปี
มายุโกะ ในวัย13ปี เธอเกิดมาในครอบครัวที่เพียบพร้อม และมีรักครั้งแรกกับเรียวอิจิ(ทานาเบะ เซย์อิจิ)ชายหนุ่นผู้ฝากตัวเป็นศิษย์กับพ่อของเธอ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่ออาซากุระ ยูริ(ทาคาโอกะ ซากิ)ย้ายเข้ามาอยู่ข้างบ้าน เธอกับยูริเป็นเพื่อนกันในเวลาอันรวดเร็ว แต่สุดท้ายยูริกลับแย่งทุกอย่างจากเธอไป แม้แต่ผู้ชายที่เป็นรักครั้งแรก
เมื่อลูกของยูริกับเรียวอิจิลืมตาเกิดมาบนโลก มายุโกะจึงมีปณิธานอันแรงกล้าว่าจะใช้เขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อคนนี้

ความรู้สึก
  • คู๊ณณณ แค่เรื่องย่อก็แซ่บพริก10เม็ดแล้ว อู้วหูววว ถ้าเรื่องนี้มีคำหยาบหลุดมาบ้างต้องขออภัยจริงๆ
  • เนื้อเรื่องที่เข้มข้น ภาพในเรื่องถ่ายออกมาอาร์ตทีเดียว ละเมียดบรรจงมาก กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม วางให้ภูเขาอยู่ในเฟรมได้พอดี บ้านนางเอกตกแต่งอย่างหรูหรา เหมาะสม งานอาร์ตเอาไปเลย
  • ความโป๊เปลือยในเรื่องนี้แอบวับๆแวมๆ มีเซ็กซ์ซีนโผล่มาบ้าง เห็นก้นขาวๆของพระเอกแว้บๆ แฮ่ก แฮ่ก
  • ไม่เหมาะกับเด็กแน่นอน มีฉากคุณป้าล่อลวงเด็กน้อยอายุ 5ขวบ คุกมั้ยล่ะคุ๊ณณณณ
  • อีกสิ่งที่เราชอบคือความโรคจิตของยูริเนี่ยแหละ คนอะไร๊แย่งของนางเอกได้ทุกสิ่งอย่าง แย่งสร้อย แย่งตุ้มหู ไปๆมาๆลามไปแย่งแฟน เอาสิ นี่แค่ep.1 ในep.2แย่งโหดกว่านี้อีก คือโรคจิตนรกมาก แล้วไม่มีความสำนึกด้วยนะ 5555
  • ส่วนนางเอกก็เป็นฝ่ายถูกกระทำ ฮือๆ โดนแกล้ง แต่ในใจคือจริงๆแล้วชั้นนี่แหละกำลังคั่วลูกชายหล่อนอยู่ย่ะ หึ โอ๊ยยย แซ่บ
  • สงสารแค่น้องพระเอกเท่านั้น คนดีๆอย่างน้องไม่น่าโดนเค้าหลอกเลย มาหาพี่มา /เข้าคุกไปอีกคน

สรุป เรื่องนี้ให้ 8 ครับ ยังดูไม่จบนะ ที่เขียนไปทั้งหมดก็แค่ep.แรกเท่านั้นครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



  1. Tokuyama Daigoro wo Dare ga Koroshitaka?
    ชื่อภาษาอังกฤษ Who killed Tokuyama Daigoro?
    ฉายวันเสาร์ 24.20 ช่อง TV Tokyo
เรื่องย่อ
เช้าวันหนึ่ง ห้องเรียนของเด็กสาวทั้ง22คนมีศพของชายผู้หนึ่งตั้งอยู่กลางห้อง เขาคือโทคุยามะ ไดโกโร่ (ชิมาดะ คิวซาคุ) ร่างไร้ลมหายใจที่ตายอย่างเป็นปริศนา ร่างศพที่ยังอุ่นๆอยู่ ทำให้เด็กสาวสันนิษฐานได้ว่าคนร้ายอาจอยู่ไม่ไกลจากตัวของพวกเธอเอง พวกเธอจึงร่วมมือกันซ่อนศพและสืบสวนหาคนร้ายไปพร้อมๆกัน

ความรู้สึก
  • ละครแนวมืดๆ ดาร์คหม่น เวลาดูต้องปรับจอให้สว่างตลอดเวลาถึงจะดูสบาย
  • เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของวงKeyakizaka46 กลุ่มไอดอลที่กำลังมาแรงในช่วงนี้
  • ตรรกะและเหตุผลการกระทำของตัวละครในเรื่องอ่อนมาก ง่อยเลยแหละ ดูแล้วถอนหายใจตลอดเวลา จนต้องเปลี่ยนจากโฟกัสเนื้อเรื่อง หันมาโฟกัสที่ส่องหน้าตาของไอดอลแทนถึงรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
  • แต่ความจริงพล็อตเรื่องน่าสนใจมาก การซ่อนศพไว้ในห้องแล้วแต่ละตอนก็จะมีความลับบางอย่างค่อยๆเผยออกมา คนเขียนบททำได้ฉลาดมากๆ
  • ถึงจะมี22คนในห้องก็ยังเกลี่ยๆบทกันไปได้ แม้ว่าจะได้เล่นไม่เท่ากันทุกคนก็เถอะ ดีแล้ว


    สรุป ให้ 6 ครับ ละครทำออกมาไม่ค่อยดี แต่ถือว่าเป็นการปูเส้นทางของนักแสดงใหม่ครับ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    10. HOPE – Kitai Zero Kara Shinnyuu Shain
    ฉายวันอาทิตย์ 21.00 ช่องFuji TV

เรื่องย่อ

อิจิโนเสะ อายุมุ(นากาจิมะ ยูโตะ) ใช้ชีวิตทั้งหมดไปกับการไล่ตามความฝันเป็นโปรหมากกระดาน แต่ทุกอย่างกลับผิดพลาดเนื่องจากแม่ของเขาป่วยในวันสอบ จนทำให้เขาต้องเสียสมาธิ หลังจากความฝันสลายลงไป คุณแม่ได้เสนอให้เขาเข้าโปรแกรมฝึกงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ถ้าฝึกงานผ่านจะได้รับว่าจ้างให้เป็นพนักงานประจำ อายุมุจบเพียงม.ปลายจึงต้องทุ่มเทมากกว่าคนอื่นหลายเท่าเพื่อเอาตัวรอดในบริษัทใหญ่แห่งนี้ให้ได้

ความรู้สึก
  • มาซักที ละครที่ดำเนินเรื่องโดยผู้ชาย เรื่องข้างบนทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นเรื่องดำเนินโดยผู้หญิง
  • ที่ดูหลักๆคือเพราะส่องยูโตะเท่านั้นเลย 555 แต่พอดูเนื้อหาของเรื่องก็น่าสนใจนี่นา
  • เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากละครเกาหลีชนะรางวัลเรื่อง Misaeng ซึ่งค่อนข้างคาดหวังได้ว่าดีแน่ๆ การเอาละครเกาหลี20ตอนมาบีบให้เหลือแค่10ตอนตามสไตล์ญี่ปุ่น มันจะไม่ยืดเยื้อแน่ๆ
  • ดีตามที่คาดครับ แค่ตอนแรกก็มีสถานการณ์บีบบังคับพระเอกถึง2-3เรื่อง ซึ่งถ้าเป็นละครปกติเชื่อว่าเอาไปตัดแล้วยืดเป็น 2 ตอนได้สบายๆ แต่เรื่องนี้เข้มข้นจริงๆ แค่ตอนแรกก็เอาอยู่
  • ผมชอบดูละครแนวการทำงานอยู่แล้ว พอมาเรื่องนี้ก็โอเคเลย ถูกจริตมาก ความทุ่มเทของพระเอกช่างน่านับถือ ตรงข้ามกับละครเรื่องYutori desu ga nani kaจากซีซั่นที่แล้วอย่างสิ้นเชิง
  • ถ้าเบื่อละครญี่ปุ่นแนวกลั่นแกล้งในโรงเรียน ก็มาดูเรื่องนี้เป็นแนวกลั่นแกล้งในที่ทำงานแทนครับ
  • สิ่งที่ไม่ชอบคือความโลกสวยในละครเยอะมาก ออกมาพูดหล่อๆให้คนประทับใจอะไรแบบนั้นคือมันไม่มีจริงในโลกใบนี้หรอก แต่นี่มันก็ละครอะเนอะ มอบมงให้แล้วกัน

สรุป ให้ 8 ครับ ละครซีเรียสหน่อยๆ แต่ได้ส่องยูโตะก็สบายใจ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




    11. Aogeba Toutoshi
    ชื่อภาษาอังกฤษ Brass Dreams
    ฉายวันอาทิตย์ 21.00 ช่องTBS

เรื่องย่อ

ฮิคุมะ โคอิจิ (เทราโอ อาคิระ) นักแซ็กโซโฟนชื่อดังที่ผันตัวมาเป็นครูสอนดนตรี ถูกไหว้วานจากอาจารย์ใหญ่โรงเรียนมิซากิ โรงเรียนที่มีชื่อเสียในเรื่องเด็กเกเรมากมาย ให้เขาไปช่วยสอนและควบคุมวงดนตรีเพื่อหวังจะเปลี่ยนแปลงโรงเรียนไปในทางที่ดีขึ้น ฮิคุมะต้องรับมือกับปัญหาของเด็กมากมาย ช่วยรวบรวมทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียวไปพร้อมๆกับการสานฝันของเด็กๆทุกคนให้ถึงจุดหมายโดยมีดนตรีเป็นสะพานเชื่อม


ความรู้สึก
  • ถ้าพูดถึงเรื่องราวครูแก้ปัญหาเด็กเกเรในโรงเรียน ยังไงก็ต้องนึกถึงGTOมาเป็นอันดับแรก แต่เรื่องนี้ต่างออกไปครับ
  • เรื่องนี้จะแก้ปัญหาอย่างใจเย็น กล้าเผชิญหน้า ไม่มีความรุนแรง จนเด็กๆรู้สึกยอมรับคุณครูออกมาจากใจ ในเรื่องจะค่อยๆเล่าปัญหาในใจทีละคนๆ แล้วคุณครูจะเข้ามาช่วยเผชิญหน้าร่วมกันแก้ไข ดูแล้วมีน้ำตาซึมแน่นอน อบอุ่นครับ
  • พูดถึงนักแสดง เทราโอะเอาขึ้นหิ้งได้เลย สุดยอดจริงๆ ผมเคยดูYokoso Wagaya eมาก่อน ตอนนั้นรับบทคุณป๋าเซื่องๆใจดี เรื่องนี้ก็มาเป็นคุณครูใจดี รอยยิ้มของเขาอบอุ่นครับ เหมาะกับบทแบบนี้จริงๆ
  • อิชิอิ อันนะ จากวงE-girlก็ทำได้ไม่เลวครับ เป็นผู้หญิงแกร่งในบรรดาเด็กผู้ชายแก่นๆ ดูแล้วไม่รู้สึกขัดครับ
  • ที่น่าส่องที่สุดคือน้องๆนักเรียนชาย หน้าดีเยอะมาก 555 เคนทาโร่คุงเป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมดูเรื่องนี้ ติดตามน้องมาจากเรื่องWatashi Kekkon Dekinai janakute, Shinain desu พอได้ดูเรื่องนี้ก็รู้สึกดีต่อใจเหมือนเดิม จะตามน้องไปทุกเรื่องจ้า
  • ส่วนคนอื่นๆเช่น ทาคุมิคุงจากวงดิช มาเคนยูคุง มุราคามินิจิโร่คุง อันนี้ขอจดไว้ในลิสต์ก่อน หน้าดีจริงๆ /แตกไลน์
  • สรุปตกลงดูละครหรือดูผู้ชายกันแน่เนี่ย...

สรุป ให้ 9 ครับ ใครอยากหาแรงบันดาลใจดีๆ เรื่องนี้ผมแนะนำเลย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    12. Soshite, Dare mo Inaku Natta
    ชื่อภาษาอังกฤษ Lost ID
    ฉายวันอาทิตย์ 22.30 ช่อง NTV

เรื่องย่อ

โทโด ชินอิจิ (ฟุจิวาระ ทัตสึยะ) หนุ่มนักวิศวกรITอนาคตไกล วันหนึ่งชื่อของเขาถูกลบออกจากฐานข้อมูลประชากรญี่ปุ่น และมีคนอื่นเข้ามาสวมรอยโดยใช้ชื่อเขาแทน โทโดจึงกลายเป็นบุคคลไร้ตัวตน ถูกไล่ออกจากงาน และยังถูกตามล่า ทั้งหมดนี้มันเรื่องอะไรกันแน่ เขาจึงออกตามหาความจริงและพร้อมจะแก้แค้นในสิ่งที่ทำลงไป


ความรู้สึก
  • เหมือนไม่ได้เห็นทัตสึยะนานมาก ตั้งแต่เดธโน๊ต พอมาเรื่องนี้ก็ฝากฝีไม้ลายมือได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเคย
  • ละครแนวสืบสวนสอบสวนญี่ปุ่น อย่างที่ว่ามักจะจบแป้ก แต่เรื่องนี้ออกทะเลไปตั้งแต่กลางเรื่องแล้ว ดูๆไปเริ่มรู้สึก What? นี่เล่นอะไรกันอะ เฮ้ยย
  • ในแง่บทผมว่าวางพล็อตได้น่าสนใจมาก เรื่องการลบล้างข้อมูลไอดี ซึ่งแอบกัดรัฐบาลญี่ปุ่นในปัจจุบันที่พยายามโปรโมตให้ทุกคนหันมาใช้มายนัมเบอร์กัน เรื่องนี้อาจเกิดขึ้นจริงในญี่ปุ่นอนาคตก็ได้นะครับ
  • อาจมีคนสงสัยว่ามายนัมเบอร์คืออะไร ที่ญี่ปุ่นไม่มีบัตรประชาชนเหมือนไทย เพราะฉะนั้นเขาเลยจะทำเลขประจำตัวปชช.เพื่อให้ง่ายต่อการเก็บภาษี และอื่นๆ แล้วเรียกอิเลขนี้ว่ามายนัมเบอร์ ซึ่งป่านนี้ก็ยังเก็บข้อมูลยังไม่เสร็จเลย
  • แอบรำคาญเจ้าของบาร์นิดหน่อยครับ (อิโนะโอะ เคย์) คือเป็นอะไร ทำไมต้องพูดให้เซ็กซี่ตลอดเวลา 555 /แฟนจัมป์อย่าตบหนู
  • ถามว่าจบแป้กมั้ย ก็นั่นแหละ ดูเองเถอะ....

สรุป ให้ 6 ครับ เสียดายพล็อตล้ำๆ น่าจะทำให้มันกระชับกว่านี้ ไม่ปล่อยตู้มทีเดียวในตอนจบ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


สรุปละครเท่าที่ดูในซีซั่นนี้
Best Drama - Aogeba Toutoshi กับ Ie Uru Onna เบียดกันมา แต่ผมขอให้Aogeba Toutoshiแล้วกันครับ ประทับใจมากกว่า
Best Actor – เทราโอะจากเรื่องAogeba กับ เอกุจิจากเรื่องHajimemashite ให้เทราโอะครับ เพราะเล่นเปลืองตัวกว่า
Best Actress – คิตากาวะจากIe uru เท่านั้นครับ

อันนี้คือผมเอาเฉพาะที่ผมดู ผมไม่ได้ดูเรื่องToto Nee-Chanซึ่งเป็นเรื่องที่มีกระแสมากๆ ถ้าแจกรางวัลจริงๆอาสะโดระอาจจะกวาดเรียบก็ได้ครับ

เรื่องอื่นในซีซั่นนี้ที่กะไว้ว่าจะดูแต่ยังไม่ได้ดูคือเรื่อง Kibougaoka no Hitobito กับ Kami no Shita wo Motsu Otoko ครับ ถ้าได้ดูแล้วจะมาEditเพิ่ม


ส่วนซีซั่นหน้าดูอะไร ที่ดูแน่ๆคือเรื่อง Jimi ni Sugoi!ครับ เป็นแฟนคลับอิชิฮาระ ซาโตมิ ยังไงก็ต้องดูให้ได้ ส่วนเรื่องอื่นๆตอนนี้ยังไม่แน่ใจครับ